วัฒนธรรมอาหารไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณ

วัฒนธรรมอาหารไทยที่สืบทอดมาแต่โบราณ            

            ความภาคภูมิใจในชีวิตอย่างนึงก็คือ.....การได้เกิดมาเป็นผู้หญิงไทยบนแผ่นดินสยาม ได้สืบสานเรียนรู้วัฒนธรรมอาหารไทย ที่มีมาแต่ครั้งบรรพกาล ต่อให้ล่วงเลยมากี่ยุค กี่ภพ กี่สมัยก็ตาม สัญญาเดิม  ยังคงแจ่มชัด และแสดงออกมาในรูปแบบของพรสวรรค์ ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำเรียนด้านอาหารไทยมาโดยตรงตั้งแต่แรก  แต่เมื่อถึงคราวต้องเข้าครัวเพื่อปรุงอาหาร รู้สึกว่ามือไม้มันคล่องแคล่ว สามารถกะปริมาณวัตถุดิบและ เครื่องปรุงได้โดยไม่ต้องชั่งวัดตวงให้เสียเวลา  นี่ก็คือที่มาอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไม ถึงแม้จะผ่านเวลามาเกินครึ่งชีวิต ใจส่วนลึกจึงร่ำร้อง โหยหาอยากเรียนรู้และอยากได้รับความรู้เชิงลึกด้านอาหารไทย เพื่อนำมาพัฒนาต่อยอด ให้อาหารไทยคงอยู่คู่คนไทย และอยากส่งความรู้นี้ ถ่ายทอดต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน เพื่อให้อาหารไทยได้เป็นที่รู้จักยอมรับในสังคมไทยและในสังคมต่างประเทศตราบนานเท่านาน



                 เสน่ห์ของรสชาดอาหารไทยนั้น บรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ไม่รู้จบ แต่พูดได้เพียงคำสั้นๆว่า " ครบรส "    และเป็นเอกลักษณ์ เป็นที่กล่าวขานร่ำลือไปทั่วโลก จากนักท่องเที่ยวที่เช้ามาพักผ่อนท่องเที่ยวในประเทศไทย  นอกจากรสชาดแปลกแตกต่างจากอาหารชาติอื่นๆแล้ว อาหารไทยยังประกอบไปด้วยศิลปะที่งดงาม เช่นการตกแต่งจัดจานโดยการแกะสลักผักผลไม้ ด้วยฝีมือที่ละเอียดปราณีต ประดิดประดอยร้อยเรียงอย่างอ่อนช้อยมาบนภาชนะหรือโต๊ะรับประทานอาหาร เมื่อบวกกับการบริการด้วยรอยยิ้มสยามของคนไทยด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อาหารดูน่ารับประทาน จนน่าประทับจิตประทับใจไม่รู้ลืม


            เมื่อต้นปี2561 มีโอกาสได้ไปเดินเที่ยวชมงานอุ่นไอรัก ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า จำลองสถานที่เสมือน เหตุการณ์ย้อนยุค อีกทั้งมีการแต่งกายแบบโบราณ อาหารไทย และการละเล่นแบบดั้งเดิมให้ได้รับความรู้สึกราวกับว่า ได้ย้อนเวลากลับไปจริงๆ





          วงดนตรีดุริยางค์ กำลังบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ช่างไพเราะยิ่งนัก

    พระราชวังของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 งดงามดูเด่นเป็นสง่าในสายหมอกของฤดูหนาวปีนี้ 
     เห็นผู้คนรอบข้างที่มาในงานนี้ ต่างก็แต่งกายแบบโบราณมาในแนวยุคสมัยที่ตนเองชอบ  การจัดงานในครั้งนี้ จึงเป็นข้อดี เพราะทำให้คนในชาติรักสมัครสมานสามัคคี พร้อมใจ หันมาร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และภูมิใจในความเป็นเอกราชของชาติกันอย่างถ้วนทั่ว

   ชวน"เปิ้ลแก้ว"เพื่อนสนิทสมัยเรียน คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ( Communiation Art ) ไปเดินชมงานด้วยกันตั้งแต่ฟ้าสาง เพราะเกรงว่าจะหาที่จอดรถไม่ได้ แต่โชคดีอย่างเหลือเชื่อ ที่ในวันนั้นหาที่จอดรถได้ง่ายดายมาก
 จำได้ว่าช่วงนั้นละครเรื่อง " บุพเพสันนิวาส "เพิ่งจะอวสานไม่นาน กระแสแต่งกายย้อนยุคกำลังมาแรง ทุกคนในประเทศจึงให้ความสำคัญ และไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่จะลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องกันแบบจัดเต็มกันแบบไม่มีใครยอมน้อยหน้าใครเลยทีเดียว


   คนที่เดินเจอกันในงานนี้ ซึ่งแต่ละคนมาจากต่างที่ต่างถิ่น แต่เราก็ขอถ่่ายรูปร่วมกันด้วยรอยยิ้ม และมิตรภาพ โดยทุกคนต่างก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่า...พลังแห่งความรักสามัคคีของคนในชาติ.....

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม